สภาพทางเศรษฐกิจ
1. การถือครองที่ดิน
เกษตรกรในตำบลบัวใหญ่มีการถือครองที่ดินเพื่อทำการเกษตรเฉลี่ย 14 ไร่ /ครอบครัวกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน ส่วนใหญ่ครอบครัวหลักจะมีสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน โดยมีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด นส 3 ก และ สปก 4–01 สปก 4 - 98 และอีกบางส่วนที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ใด ๆ เช่น บ้านดงเย็น หมู่ที่ 12 ส่วนใหญ่ครอบครัวขยายมักจะไม่มีสิทธิ์ในที่ดินเพราะครอบครัวหลักยังไม่มีการแบ่งโอนกรรมสิทธิ์ให้ แต่ให้สิทธิ์ทำกินด้วยวาจา
2. ขนาดของครัวเรือนและแรงงาน
ครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นครัวเรือนขนาดกลางถึงเล็ก แต่ระบบเครือญาติยังมีผล ทำให้ครัวเรือนแต่ละครัวเรือนในกลุ่มเครือญาติมีกิจกรรมบางส่วนที่ทำร่วมกัน เช่น ทำนาร่วมกัน และค่อยแบ่งผลผลิตกันในหนึ่งครัวเรือนจะประกอบด้วย พ่อ - แม่ ลูก เป็นส่วนใหญ่ ครัวเรือนลักษณะหนึ่งจะมีสมาชิกประมาณ 3-5 คน และครัวเรือนอีกลักษณะหนึ่งคือ มี พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายายอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนน้อยของครัวเรือนทั้งหมด จะมีสมาชิกของครัวเรือนประมาณ 5–10 คนต่อครัวเรือนการใช้แรงงานภาคเกษตรจะมีแรงงานประจำประมาณ 2 คน / ครัวเรือน อีกส่วนหนึ่งจะอยู่ในภาคการศึกษา และไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัดและต่างประเทศ ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้จะมีอายุอยู่ระหว่าง 18 – 40 ปี ส่วนแรงงานประจำในภาคเกษตร จะมีอายุประมาณ 40 ปี ขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่
3. การประกอบอาชีพ
- อาชีพหลัก ทำการเกษตร ทำนา, ทำไร่, เลี้ยงสัตว์
- อาชีพเสริม รับจ้าง ในภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร
หน่วยธุรกิจในตำบล
- ปั้มหลอด จำนวน 2 แห่ง
- ปั้มน้ำมัน จำนวน 5 แห่ง
- โรงสีขนาดเล็ก จำนวน 8 แห่ง
- ร้านจำหน่ายวัสดุ- อุปกรณ์การก่อสร้าง จำนวน 3 แห่ง
- ร้านค้า จำนวน 60 แห่ง
- ร้านซ่อมรถยนต์ - รถจักรยานยนต์ จำนวน 6 แห่ง
- ร้นเสริมสวย จำนวน 10 แห่ง
ขนบธรรมเนียมประเพณี
- วิถีชีวิตชาวบ้าน จะอยู่ร่วมกันเหมือนเครือญาติ พึ่งพาอาศัยกันวิถีชีวิตจะเกี่ยวข้องกับศาสนา ทั้งในด้านจริยธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี ทุกครัวเรือนจะรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี“วัด”จะเป็นแหล่งรวมกันทำกิจกรรมของคนในหมู่บ้านวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับชุมชนอื่นทั่วไปของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นเอกลักษณ์คือ ประเพณีและวัฒนธรรมที่ผูกพันกับศาสนาอย่างลึกซึ้ง มีความเชื่อเกี่ยวกับผีสาง เทวดา และสิ่งศักดิ์ว่า จะดลบันดาลให้อยู่เย็นเป็นสุขลูกหลานซึ่งอยู่ในวัยทำงานและวัยหนุ่มสาวที่ไม่อยู่หรือไปทำงานต่างถิ่น จะพากันกับมาเยี่ยมบ้านเมื่อถึงเทศกาลสำคัญเช่นวันขึ้นปีใหม่วันสงกรานต์ คนเหล่านี้จะนำเอาวัฒนธรรมใหม่ ๆ เข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้วัฒนธรรมเก่าที่ควรอนุรักษ์ตกเป็นภาระของผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน ที่พยายามช่วยกันอนุรักษ์สืบสานไว้
- ประเพณีส่วนใหญ่จะประพฤติปฏิบัติกันโดยยึดหลัก “ฮีตสิบสอง” คำว่า “ฮีต”คือสิ่งที่คนในชุมชนควรต้องปฏิบัติร่วมกัน ที่สำคัญ เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ ประเพณีสู่ขวัญข้าวเป็นต้น การประกอบกิจกรรมสำคัญร่วมกันทำให้คนในหมู่บ้านมีโอกาสได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตลอดจนไถ่ถามถึงสารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน ซึ่งถือเป็นวิถีชีวิตแบบชนบทโดยแท้
ด้านประเพณีและวัฒนธรรม
ในรอบหนึ่งปี ในหมู่บ้าน / ชุมชน มีการทำบุญหรืองานประเพณีฮีตสิบสอง เป็นประเพณีและความเชื่อเก่าแก่ชาวอีสานยึดมั่นมานานและยังยึดมั่งอย่างมั่นคงแม้ในปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้
1. เดือนเจียง(เดือนอ้าย) นิมนต์สังฆเจ้าเข้ากรรมฯชาวบ้านเลี้ยงผีแถน และผีต่างๆ (บรรพบุรุษหรือวีรบุรุษผู้ล่วงลับ)การนิมนต์พระสงฆ์เข้ามาปริวาสกรรมหรือเข้ากรรมนั้นเป็นพิธีกรรมเพื่อให้พระภิกษุผู้กระทำผิดได้สารภาพต่อหน้าคณะสงฆ์(มิใช่ล้างบาป) เป็นการฝึกความรู้สึกสำนึกวิจัยความผิดบกพร่องของตัว ซึ่งตรงกันข้ามกับสังคมสมัยนี้มีแต่โพนทะนาถึงความชั่วความผิดของผู้อื่นข้างเดียว
2. เดือนยี่ ทำบุญ “คูนลาน”มีพระสวดมนต์ฉันข้าวเช้าเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ข้าวเปลือก เมื่อพระฉันเช้าแล้วก็ทำพิธีสู่ขวัญข้าว(ทำขวัญข้าวหรือสูตรขวัญข้าว)นอกจากนั้นในเดือนนี้ชาวบ้านจะต้องตระเตรียมสะสมเชื้อเพลิงหาฟืนและถ่านมาไว้ในบ้าน
3. เดือนสาม มื้อเพ็งทำบุญข้าวจี่ และบุญมาฆะบูชา เริ่มพิธีทำบุญเข้าจี่ในตอนเช้าโดยใช้ข้าวเหนียวปั้นหุ้มน้ำอ้อยนำไปปิ้งหรือจี่พอเกรียม แล้วชุบด้วยไข่ ลนไฟจนสุกแล้วใส่ภาชนะไปตั้งไว้ในหัวแจก(ศาลาวัด) นิมนต์พระรับศีลแล้วเอาข้าวจี่ใส่บาตร นำถวายแด่พระสงฆ์พร้อมด้วยอาหารอื่นเมื่อพระฉันเสร็จแล้วมีการแสดงพระธรรมเทศนา ข้าวจี่ที่เหลือจากพระฉันแล้วแบ่งกันรับประทานถือว่าจะมีโชคดี
4. เดือนสี่ บุญพระเวสฟังเทศมหาชาติ มูลเหตุเนื่องมาจากพระคัมภีร์มาลัยหมื่น และมาลัยแสนว่า ถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะได้พบพระศรีอริยะเมตไตย์ หรือเข้าถึงศาสนาพระพุทธองค์แล้ว จงอย่าฆ่าบิดามารดา สมณพราหมณาจารย์ อย่ายุยงให้พระสงฆ์แตกสามัคคีกันกับให้อุตสาห์ฟังพระธรรมเทศนาเรื่อง พระมหาเวสสันดรชาดกให้จบสิ้นภายในวันเดียวเป็นต้น ในงานนี้มักจะมีผู้นำของมาถวายพระซึ่งเรียกว่า “กันฑ์หลอน” หรือถ้าเจาะจงจะถวายเฉพาะพระนักเทศน์ที่ตนนิมนต์มาก็เรียกว่า “กัณฑ์จอบ” เพราะต้องแอบซุ่มดูให้แน่เสียก่อน
5. เดือนห้า ทำบุญขึ้นปีใหม่ไทยหรือตรุษสงกรานต์สรงน้ำพระพุทธรูป ไปเก็บดอกไม้ป่ามาบูชาพระในระหว่างบุญนี้ทุกคนจะหยุดงานธุรกิจประจำวัน โดยเฉพาะมีวันสำคัญดังนี้
- วันสังขารล่วง เป็นแรกของงานจะนำพระพุทธรูปลงมาทำความสะอาดและตั้งไว้ ณ สถานที่อันสมควรแล้วพากันสรงพระด้วยน้ำหอม
- วันสังขารเน่า เป็นวันที่สองของงาน พากันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บิดามารดา และญาติที่ล่วงลับไปแล้ว
- วันสังขารขึ้น เป็นวันที่สามของงาน ทำบุญตักบาตรถวายภัตราหารแด่พระ – เณร แล้วทำการคารวะแก่บิดามารดาและคนแก่ ส่งท้ายด้วยมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ แล้วใช้น้ำที่เหลือจากการรดน้ำให้ผู้ใหญ่นำมารดน้ำให้แก่ผู้มาร่วมงานภายหลังจึงแผลงมาเป็นวิ่งไล่สาดน้ำทาแป้ง
6. เดือนหกทำบุญบั้งไฟและวันวิสาขบูชาการทำบุญบั้งไฟเพื่อขอฝนเป็นงานสำคัญก่อนลงมือทำนา ส่วนการทำบุญวันวิสาขบูชากลางวันมีการเทศน์กลางคืนมีการเวียนเทียน
7. เดือนเจ็ดทำบุญซำฮะล้างหรือบุญบูชาบรรพบุรุษ มีการเซ่นสรวงหลักเมืองปู่ตาผีเมืองผีตาแฮกเป็นการทำบุญเพื่อระลึกถึงผู้มีพระคุณ
8. เดือนแปดทำบุญเข้าพรรษา เป็นประเพณีทางพุทธศาสนาโดยตรง มีการทำบุญตักบาตร ฟังธรรมเทศนาและถวายเทียนเข้าพรรษา
9. เดือนเก้า ทำบุญข้าวประดับดิน เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศแก่ญาติผู้ล่วงลับ โดยการจัดหาอาหาร หมากพลู เหล้า บุหรี่ ไปวางไว้ใต้ต้นไม้หรือที่ใดที่หนึ่ง แล้วเชิญวิญญาณของญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วมารับเอาอาหารไป
10. เดือนสิบ ทำบุญข้าวสากหรือข้าวสลาก พิธีนี้กระทำกันในวันขึ้น15 คำเดือน 10 ชาวบ้านได้นำข้าวต้ม ขนมเลี้ยงดูแจกจ่ายกันในตอนเพลของวันนี้ ชาวบ้านได้นำสำรับกับข้าวและเครื่องไทยทานเพื่อนำเข้าไปถวายพระภิกษุในวัด เขียนสลากบอกชื่อเจ้าของสำรับกับข้าวแล้วนำลงใสบาตร พร้อมกับนิมนต์ให้พระภิกษุตลอดจนสามเณรเป็นผู้จับสลาก พระภิกษุองค์ใดถูกสลากของใครก็จะได้รับข้าวและเครื่องไทยทานของผู้นั้น
11. เดือนสิบเอ็ด ทำบุญออกพรรษา พระสงฆ์จะแสดงอาบัติทำการปวารณา คือ เปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ พอตกกลางคืนมีการจุดประทีปโคมไฟแขวนไว้ตามต้นไม้หรือริมรั้ว
12. เดือนสิบสอง ทำบุญกฐิน ชาวบ้านได้พากันทำบุญกฐินหลังออกพรรษา ซึ่งถือตามคตินิยมในทางพระพุทธศาสนา นอกจากบุญกฐินแล้วก็แล้วก็ยังมีบุญทอดผ้าป่า โดยเฉพาะบุญทอดผ้าป่านี้ไม่ได้กำหนดตามกาลและเวลา คือ เจ้าของหรือเจ้าภาพกำหนดทำพิธีเมื่อไรก็ได้
|